วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย



การขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย
รถจักรยนต์นะครับเป็นเพื่อนคู่ใจคุณได้เสมอในสภาพจราจรเร่งด่วน ดังนั้นก่อนจะขับขี่ ทุกครั้งควรตรวจสภาพรถก่อนทุกครั้งว่ามีส่วนไหนชำรุดหรือไม่ เพราะรถไม่สามารถบอกคุณได้ หรอกครับ (ถามอย่างไรก็ไม่ตอบ) คุณควรจะตอบได้ทุกครั้งว่ารถของคุณพร้อมหรือยังที่จะออก ไปเผชิญสภาพจราจรติดขัดอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นควรตรวจสอบสภาพรถจักรยานยนต ์และ สภาพความพร้อมของตัวคุณก่อนทุกครั้งนะครับ โดยมีวิธีง่ายๆดังนี้

- เปิดดูน้ำมันในถังมีพอหรือไม่ ในการเดินทางแต่ละเที่ยว
- ตรวจดูน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในระดับกำหนดหรือไม่ และสะอาดหรือไม่เพื่อลดมลพิษไงละครับ
- เช็คลมยางทุกครั้งให้อยู่ในสภาพปกติไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป
- ตรวจสอบโซ่รถของคุณให้ตึงพอประมาณและควรหยอดน้ำมันที่โซ่ด้วยนะครับ เพื่อโซ่ของคุณจะได้อยู่กับคุณไปอีกนาน
- ตรวจดูเครื่องยนต์ว่ามีรอยรั่วหรือไม่ และมีน้ำมันหล่อลื่นเพียงพอไหม
- เบรคนี้สำคัญไฉน ถ้าเบรครถของคุณไม่ดี ทั้งรถของคุณและตัวคุณอาจต้องเรียกหาหมอ
- ตรวจไฟทุกดวงของรถคุณก่อนขับทุกครั้ง เพราะไฟสัญญาณจะให้การขับขี่ของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น
- ตรวจแบตเตอรี่มีน้ำมันกลั่นอยู่หรือไม่ ปรับกระจกมองหลังให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
- ตรวจดูที่วางเท้าให้อยู่ในสภาพสะดวกแก่การขับขี่ เช่นไม่ทำให้สะดุดแก่การใช้เบรค หรือเปลี่ยนเกียร์
- สิ่งสุดท้ายที่สำคัญคือควรแต่งกายเพื่อสะดวกแก่การเคลื่อนไหว และสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งมิฉะนั้นคุณอาจเสียเงินแบบไม่รู้ตัว และเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ศรีษะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
- ขั้นสุดท้ายให้ลองขับขี่ดูการทรงตัวว่าสมบูรณ์ดีเพียงใด ต้องไม่เป๋ไปเป๋มา ซึ่งแสดงว่าเคยชนมาจนเสียศูนย์ ถ้าซื้อมาใช้รายต่อไปอาจเป็นคุณ!


ทำอย่างไรเมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่รถจักรยานยนต์

- ถ้าขับขี่บนถนนมีน้ำขัง
ในกรณีที่รถจักรยานยนต์ของท่านต้องลุยบนถนนที่น้ำขัง อาการเครื่องยนต์ดับหรือพลิกล้มอาจเกิดขึ้นได้ วิธีที่ถูกเมื่อเจอสภาพน้ำขังควรขับด้วยเกียร์ต่ำเร่งเครื่องให้อยู่ในระดับใดระดับหนึ่งตลอดเวลา และใช้เบรคเป็นระยะ ถ้าเครื่องดับต้องจูงรถให้พ้นน้ำและถอดหัวเทียนออกมาเช็ดทำความสะอาดให้แห้ง รวมทั้งตรวจสอบระบบไฟจุดระเบิดให้ปราศจากความชื้นด้วย หลังจากนั้นประกอบเข้าที่แล้วสตาร์ทเครื่องใช้งานต่อไป
- ถ้าเบรคไม่ทำงาน
กรณีเบรคไม่ทำงานขณะขับขี่ ขั้นแรกควรตั้งสติให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยๆลดเกียร์ต่ำสุดเพื่อให้เครื่องยนต์ช่วยเบรค เมื่อสามารถหยุดได้แล้วควรเร่งแก้ไขข้อผิดพลาด และขณะที่เกิดเหตุควรบีบแตรไว้ตลอดเวลา เพื่อเตือนให้รถคันอื่นทราบว่าท่านกำลังประสบปัญหา
- ถ้าคันเร่งค้าง
กรณีที่คันเร่งรถจักรยานยนต์ของท่านเกิดค้างขณะขับขี่ ให้ปิดกุญแจสวิทซ์หรือดึงสายไฟเพื่อตัดระบบจุดระเบิดเครื่องยบนต์แล้วจึงนำมาไว้ในที่ ปลอดภัย เพื่อทำการแก้ไขซึ่งสาเหตุนั้นอาจมาจากระบบคันเร่งขาดการบำรุงรักษา สายคันเร่งขาด หรือบิดงอ
- ถ้ารถล้ม
เมื่อรถจักรยานยนต์ล้มหรือคว่ำโอกาศที่จะเกิดไฟลุกไหม้เป็นไปได้ง่ายมาก ให้รีบปิดสวิทซ์หรือตัดสายไฟที่จะทำให้เกิดประกายไฟทันที แล้วเข็นไปสู่ในที่ ปลอดภัยและสำรวจร่างกายและบาดแผลของตัวเองตัวเอง ต่อจากนั้นค่อยดู ความเสียหายที่เกิดกับรถว่าสามารถเดินทางต่อไปได้หรือไม่ โดยต้องเช็คความเรียบร้อย ของรถได้แก่ แฮนด์ คันเร่ง กระจกมองหลัง คันบีบเบรค คันบีบคลัทซ์และอื่นๆ และสิ่งสำคัญ ต้องตรวจดูว่ามีการรั่วไหลของน้ำมันหรือไม่ มิฉะนั้นอาจเกิดระเบิดติดไฟอีกครั้งก็ได้
- ถ้าเครื่องร้อนเกินไป
เมื่อเครื่องยต์เกิดความร้อนสูง ลูกสูบอาจเกิดอาการฝืด และเกิดเสียงเหมือนใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรค (ขณะแล่นอยู่โดยไม่เร่งเครื่อง) เมื่อเกิดอาการเช่นนี้ควรเข้าเกียร์ว่างทันทีเพื่อป้องกันปัญหาเครื่องหยุดทำงาน และแตะเบรคเบาๆ ถ้ารถของท่านระบายความร้อนด้วยน้ำ อย่ารีบร้อนเปิดฝาหม้อน้ำเพราะอาจถูกน้ำร้อนลวกได้ ควรรอให้เครื่องยนต์เย็นพอสมควรจึงค่อยตรวจดูน้ำมันเครื่อง และน้ำหล่อเย็น
- ถ้าเกิดยางระเบิด
ถ้าขณะขับขี่แล้วเกิดยางระเบิดรถจะเสีทิศทางและเสียการทรงตัวเหมือนปลากระดิกหาง เมื่อเกิดอาการแบบนี้ ท่านควรตั้งสติควบคุมรถให้ดี ใช้เข่าทั้งสองข้างบีบถังน้ำมัน ปล่อยให้รถช้าลงด้วยตัวของมันเองแล้วจึงใช้ห้ามล้อ และนำรถเข้าจอดในที่ปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าท่านประมาท จะมีผลต่อท่านมากหรือน้อย พูดง่ายๆว่า จะ เอาแบบ เจ็บ อัมภาพ หรือตาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านและสติของท่าน ดังนั้นการเตรียมตัว และ ระลึกการขับขี่ที่ปลอดภัยท่านควรตระหนักไว้เสมอ


กฎหมายของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์


ทนายคลายทุกข์ขอเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับผู้ขับขี่รถจักรยายนต์จะต้องสวมหมวกนิรภัยและต้องได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้รวมทั้งผู้ที่ซ้อนท้ายจะต้องสวมหมวกนิรภัยด้วยเช่นกัน หากฝ่าฝืนทั้งผู้ขับขี่และคนซ้อนอาจถูกปรับตาม พ.ร.บ.จราจรจรทางบก พ.ศ.2522 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 7 พ.ศ. 2550
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ( แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 7 พ.ศ.2550 )

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ หมั่นตรวจสอบสภาพรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่ดัดแปลงสภาพรถ หรือนำรถไปใช้งานผิดประเภท ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขี่รถด้วยความเร็วสูง สวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานทุกครั้ง ไม่ซ้อนท้ายเกิน ๒ คน หรือบรรทุกของที่มีน้ำหนักมากเกินไป จะส่งผลต่อการทรงตัวและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน



แหล่งอ้างอิง http://www.oknation.net/blog/noylovely/2009/07/21/entry-1
http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=1483
http://www.ryt9.com/s/prg/785582

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น