วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย



การขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย
รถจักรยนต์นะครับเป็นเพื่อนคู่ใจคุณได้เสมอในสภาพจราจรเร่งด่วน ดังนั้นก่อนจะขับขี่ ทุกครั้งควรตรวจสภาพรถก่อนทุกครั้งว่ามีส่วนไหนชำรุดหรือไม่ เพราะรถไม่สามารถบอกคุณได้ หรอกครับ (ถามอย่างไรก็ไม่ตอบ) คุณควรจะตอบได้ทุกครั้งว่ารถของคุณพร้อมหรือยังที่จะออก ไปเผชิญสภาพจราจรติดขัดอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นควรตรวจสอบสภาพรถจักรยานยนต ์และ สภาพความพร้อมของตัวคุณก่อนทุกครั้งนะครับ โดยมีวิธีง่ายๆดังนี้

- เปิดดูน้ำมันในถังมีพอหรือไม่ ในการเดินทางแต่ละเที่ยว
- ตรวจดูน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในระดับกำหนดหรือไม่ และสะอาดหรือไม่เพื่อลดมลพิษไงละครับ
- เช็คลมยางทุกครั้งให้อยู่ในสภาพปกติไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป
- ตรวจสอบโซ่รถของคุณให้ตึงพอประมาณและควรหยอดน้ำมันที่โซ่ด้วยนะครับ เพื่อโซ่ของคุณจะได้อยู่กับคุณไปอีกนาน
- ตรวจดูเครื่องยนต์ว่ามีรอยรั่วหรือไม่ และมีน้ำมันหล่อลื่นเพียงพอไหม
- เบรคนี้สำคัญไฉน ถ้าเบรครถของคุณไม่ดี ทั้งรถของคุณและตัวคุณอาจต้องเรียกหาหมอ
- ตรวจไฟทุกดวงของรถคุณก่อนขับทุกครั้ง เพราะไฟสัญญาณจะให้การขับขี่ของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น
- ตรวจแบตเตอรี่มีน้ำมันกลั่นอยู่หรือไม่ ปรับกระจกมองหลังให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
- ตรวจดูที่วางเท้าให้อยู่ในสภาพสะดวกแก่การขับขี่ เช่นไม่ทำให้สะดุดแก่การใช้เบรค หรือเปลี่ยนเกียร์
- สิ่งสุดท้ายที่สำคัญคือควรแต่งกายเพื่อสะดวกแก่การเคลื่อนไหว และสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งมิฉะนั้นคุณอาจเสียเงินแบบไม่รู้ตัว และเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ศรีษะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
- ขั้นสุดท้ายให้ลองขับขี่ดูการทรงตัวว่าสมบูรณ์ดีเพียงใด ต้องไม่เป๋ไปเป๋มา ซึ่งแสดงว่าเคยชนมาจนเสียศูนย์ ถ้าซื้อมาใช้รายต่อไปอาจเป็นคุณ!


ทำอย่างไรเมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่รถจักรยานยนต์

- ถ้าขับขี่บนถนนมีน้ำขัง
ในกรณีที่รถจักรยานยนต์ของท่านต้องลุยบนถนนที่น้ำขัง อาการเครื่องยนต์ดับหรือพลิกล้มอาจเกิดขึ้นได้ วิธีที่ถูกเมื่อเจอสภาพน้ำขังควรขับด้วยเกียร์ต่ำเร่งเครื่องให้อยู่ในระดับใดระดับหนึ่งตลอดเวลา และใช้เบรคเป็นระยะ ถ้าเครื่องดับต้องจูงรถให้พ้นน้ำและถอดหัวเทียนออกมาเช็ดทำความสะอาดให้แห้ง รวมทั้งตรวจสอบระบบไฟจุดระเบิดให้ปราศจากความชื้นด้วย หลังจากนั้นประกอบเข้าที่แล้วสตาร์ทเครื่องใช้งานต่อไป
- ถ้าเบรคไม่ทำงาน
กรณีเบรคไม่ทำงานขณะขับขี่ ขั้นแรกควรตั้งสติให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยๆลดเกียร์ต่ำสุดเพื่อให้เครื่องยนต์ช่วยเบรค เมื่อสามารถหยุดได้แล้วควรเร่งแก้ไขข้อผิดพลาด และขณะที่เกิดเหตุควรบีบแตรไว้ตลอดเวลา เพื่อเตือนให้รถคันอื่นทราบว่าท่านกำลังประสบปัญหา
- ถ้าคันเร่งค้าง
กรณีที่คันเร่งรถจักรยานยนต์ของท่านเกิดค้างขณะขับขี่ ให้ปิดกุญแจสวิทซ์หรือดึงสายไฟเพื่อตัดระบบจุดระเบิดเครื่องยบนต์แล้วจึงนำมาไว้ในที่ ปลอดภัย เพื่อทำการแก้ไขซึ่งสาเหตุนั้นอาจมาจากระบบคันเร่งขาดการบำรุงรักษา สายคันเร่งขาด หรือบิดงอ
- ถ้ารถล้ม
เมื่อรถจักรยานยนต์ล้มหรือคว่ำโอกาศที่จะเกิดไฟลุกไหม้เป็นไปได้ง่ายมาก ให้รีบปิดสวิทซ์หรือตัดสายไฟที่จะทำให้เกิดประกายไฟทันที แล้วเข็นไปสู่ในที่ ปลอดภัยและสำรวจร่างกายและบาดแผลของตัวเองตัวเอง ต่อจากนั้นค่อยดู ความเสียหายที่เกิดกับรถว่าสามารถเดินทางต่อไปได้หรือไม่ โดยต้องเช็คความเรียบร้อย ของรถได้แก่ แฮนด์ คันเร่ง กระจกมองหลัง คันบีบเบรค คันบีบคลัทซ์และอื่นๆ และสิ่งสำคัญ ต้องตรวจดูว่ามีการรั่วไหลของน้ำมันหรือไม่ มิฉะนั้นอาจเกิดระเบิดติดไฟอีกครั้งก็ได้
- ถ้าเครื่องร้อนเกินไป
เมื่อเครื่องยต์เกิดความร้อนสูง ลูกสูบอาจเกิดอาการฝืด และเกิดเสียงเหมือนใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรค (ขณะแล่นอยู่โดยไม่เร่งเครื่อง) เมื่อเกิดอาการเช่นนี้ควรเข้าเกียร์ว่างทันทีเพื่อป้องกันปัญหาเครื่องหยุดทำงาน และแตะเบรคเบาๆ ถ้ารถของท่านระบายความร้อนด้วยน้ำ อย่ารีบร้อนเปิดฝาหม้อน้ำเพราะอาจถูกน้ำร้อนลวกได้ ควรรอให้เครื่องยนต์เย็นพอสมควรจึงค่อยตรวจดูน้ำมันเครื่อง และน้ำหล่อเย็น
- ถ้าเกิดยางระเบิด
ถ้าขณะขับขี่แล้วเกิดยางระเบิดรถจะเสีทิศทางและเสียการทรงตัวเหมือนปลากระดิกหาง เมื่อเกิดอาการแบบนี้ ท่านควรตั้งสติควบคุมรถให้ดี ใช้เข่าทั้งสองข้างบีบถังน้ำมัน ปล่อยให้รถช้าลงด้วยตัวของมันเองแล้วจึงใช้ห้ามล้อ และนำรถเข้าจอดในที่ปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าท่านประมาท จะมีผลต่อท่านมากหรือน้อย พูดง่ายๆว่า จะ เอาแบบ เจ็บ อัมภาพ หรือตาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านและสติของท่าน ดังนั้นการเตรียมตัว และ ระลึกการขับขี่ที่ปลอดภัยท่านควรตระหนักไว้เสมอ


กฎหมายของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์


ทนายคลายทุกข์ขอเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับผู้ขับขี่รถจักรยายนต์จะต้องสวมหมวกนิรภัยและต้องได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้รวมทั้งผู้ที่ซ้อนท้ายจะต้องสวมหมวกนิรภัยด้วยเช่นกัน หากฝ่าฝืนทั้งผู้ขับขี่และคนซ้อนอาจถูกปรับตาม พ.ร.บ.จราจรจรทางบก พ.ศ.2522 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 7 พ.ศ. 2550
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ( แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 7 พ.ศ.2550 )

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ หมั่นตรวจสอบสภาพรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่ดัดแปลงสภาพรถ หรือนำรถไปใช้งานผิดประเภท ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขี่รถด้วยความเร็วสูง สวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานทุกครั้ง ไม่ซ้อนท้ายเกิน ๒ คน หรือบรรทุกของที่มีน้ำหนักมากเกินไป จะส่งผลต่อการทรงตัวและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน



แหล่งอ้างอิง http://www.oknation.net/blog/noylovely/2009/07/21/entry-1
http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=1483
http://www.ryt9.com/s/prg/785582

อาหารไทย



อาหารไทยมีชื่อเสียงขจรขจายไกลไปทั่วโลก ด้วยสีสรรสวยงามตามธรรมชาติ รสชาติที่กลมกล่อมมีความหวาน
เปรี้ยว เค็มได้ที่ และเผ็ดพอประมาณ อาหารไทยมากมายหลายชนิด มีการผสมผสานเครื่องปรุง และเครื่องเทศต่างๆ
ของเอเชียเข้าไว้ด้วยกัน ส่วนในการเพิ่มรสชาติของอาหาร มีการใช้ทั้งน้ำผลไม้ เช่น น้ำมะนาว น้ำมะขาม และอื่นๆ
เช่น น้ำปลา น้ำตาลปีบ กะปิ น้ำมันหอย ช่วยทำให้อาหารมีความกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ส่วนผสมของกะทิที่ปรุงร่วม
กับเครื่องแกงต่างๆ ทำให้อาหารไทยมีความโดดเด่นในรสชาติ แตกต่างจากอาหารชาติอื่นๆ และนอกจากนั้น
วัฒนธรรมการตกแต่งอาหาร ให้วิจิตรสวยงาม ด้วยศิลปะการแกะสลักผักและผลไม้ แสดงออกถึงความประณีต ในการ
รับประทานอาหารของชนชาติไทย

เครื่องเทศ ที่ใช้ในการประกอบอาหารไทย เป็นสมุนไพรล้วนๆ ได้แก่ ขิง ข่า ตะไคร้ มะกรูด กระชาย หอม
กระเทียม ฯลฯ อาหารไทยจึงเป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นอาหาร "เพื่อสุขภาพ" อย่างแท้จริง

เมนูอาหารประจำตู้เย็น สำหรับคนลดความอ้วน
เริ่มจาก สลัดผัก พร้อมหม่ำ เดี๋ยวนี้หาซื้อได้ง่าย ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่ในห่อ จะมีผักใบเขียว ประเภท ผักกาดแก้ว ผักโขม แครอท แต่ถ้าอยากประหยัด จะซื้อมาทำเตรียมไว้เอง ก็ไม่ผิดกติกานะคะ นอกจากนั้น ผักอื่นๆ อย่าง แตงกวา มะเขือเทศราชินี มีติดไว้ก็ดีค่ะ สลัดผักทานยังไงก็ไม่อ้วนค่ะ แต่ถ้ากลัวว่า ลำพังสลัดผัก จะสลัดความอยากอาหารไว้ไม่อยู่ สลัดผลไม้ ก็น่าสนใจไม่หยอกค่ะ เอาผลไม้หลากหลายชนิด มาปอกและหั่นเป็นชิ้นพอคำ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่โถแก้ว หรือชามใสๆ ให้ดูน่ากิน น้ำซอสหรือน้ำสลัด ก็ให้ซื้อไว้แต่แบบ น้ำสลัดไขมันต่ำ ย้ำ ไขมันต่ำนะคะ ถ้าเราจัดผักผลไม้ไว้อย่างดี แต่คลุกเคล้า ด้วยสลัดครีมข้นหวานมัน ก็สงสัยจะหยุดพิกัดน้ำหนักเอาไว้ได้ยากล่ะคะ แต่ถ้าเกิดเบื่อๆ สลัดผักน้ำใส จะเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็น น้ำยำแบบไทยๆ ประเภทน้ำมะนาว ผสมเกลือพริกป่น ดูก็อร่อยได้แบบไม่อ้วนค่ะ

ประวัติอาหารไทย

อาหารไทยขึ้นชื่อได้ว่ามีประวัติมาช้านาน ผู้คนส่วนใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ
ต่างนิยมชมชอบในอาหารไทยกันมากมาย โดยเฉพาะชื่อเสียงในด้านความเข้มข้น
และจัดจ้านของรสอาหารที่ติดปากติดใจผู้คนมานับศตวรรษโดยส่วนใหญ่อาหารไทย
จะมีวิธีการประกอบอย่างง่ายๆ และ ใช้เวลาในการทำไม่มากนักโดยเฉพาะทุกครัวเรือน
ของคนไทย จะมีส่วนประกอบอาหารติดอยู่ทุกครัวเรือนไม่ว่าจะเป็น
พริก แห้ง กุ้งแห้ง น้ำปลา กะปิ ส้มมะขาม กระเทียม หัวหอมตลอด จนปลาบ้าง รวมทั้งส่วนประกอบอาหาร
จำพวกผัก และเนื้อสัตว์นานาชนิด เพราะมีวิธี
นำมาประกอบที่มีด้วยกันหลายรูปแบบไม่ ว่าจะเป็น
แกง ต้ม ผัด ยำ รวมทั้งอาหารไทยได้รับอิทธิพลใน
การปรุงอาหารรวมทั้งรูปแบบในการรับประทานอาหาร
ตั้งแต่ อดีต อาทิการนำเครื่องเทศมาใช้ในการประกอบ
อาหารก็ได้รับ อิทธิพลมาจากเปอร์เชียผ่านอินเดีย




แหล่งที่มา http://student.swu.ac.th/sc481010115/thaifood.htm
http://www.thaifooddb.com/article/article090_diet_food_menu.html
http://www.isaansmile.com/thai_food/page1.html

สุนัขพันธ์ร็อทไวเลอร์



ด้วยอกที่กว้างใหญ่ และร่างกายที่ปราศจากไขมันและมีแต่กล้ามเนื้อ ให้ความรู้สึกถึงพละกำลัง มันเป็นสุนัขที่อ่อนโยน ล่ำสัน แม้จะแลดูใหญ่โต แต่การย่างก้าวที่รวดเร็วทำให้วิ่งเร็วได้อย่างน่าทึ่ง สุนัขที่ทรหดอดทนจะคุ้นเคยกับการมีชีวิตอยู่นอกบ้าน และสามารถทนต่อทุกสภาพอากาศ

สุนัขพันธุ์ร็อทไวเลอร์เป็นสุนัขอารักขาที่น่าเกรงขาม เมื่อถูกฝึกให้ต่อสู้และโจมตี ก็จะทำอันตรายให้แก่ผู้บุกรุก แม้จะฝึกได้ไม่ยาก แต่ต้องมีเจ้านายที่มีวินัยเพื่อทำให้มันเคารพและเชื่อถือ ด้วยความเชื่อมั่นในพละกำลัง โดยธรรมชาติมันจะไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับภยันตรายที่จะเกิดขึ้น จะแสดงออกถึงความโดดเดี่ยวโดยธรรมชาติ แต่จะไม่เป็นดังกล่าวกับเจ้านายหรือผู้คนในครอบครัว

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ร็อทไวเลอร์ได้ถูกเกณฑ์ให้เข้าประจำการในกองทัพบกของเยอรมัน และในปัจจุบันทำหน้าที่เป็นสุนัขอารักขาให้กับโรงงานและสถานที่ประกอบการ ในประเทศออสเตรเลียมันถูกใช้ในราชการของกรมตำรวจ
สุนัขพันธุ์ร็อทไวเลอร์เป็นสัตว์ที่มีความตื่นตัวและเฉลียวฉลาดอย่างน่าทึ่ง สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ที่สอน การแสดงออกถึงความสงบเยือกเย็น ทำให้เห็นถึงความกล้าหาญและเสียสละ ด้วยเหตุนี้ทำให้ร็อทไวเลอร์เป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัว


การเลือกเลี้ยงตัวผู้หรือตัวเมีย?

ก่อนอื่นควรตัดสินใจก่อนว่า จะเลี้ยงตัวผู้หรือตัวเมีย ผมขอเเนะนำให้เลือกเลี้ยงตัวเมีย

เหตุผลก็คือ ถ้าดูรูปลักษณ์ภายนอกโดยทั่วไป เรามักจะเห็นว่าร๊อตไวเลอร์ตัวผู้

มีลักษณ์ที่เข้าตากว่า คือ สวย สง่า น่าเกรงขาม กว่าตัวเมีย เเต่ ร๊อตไวเลอร์ตัวผู้

จะมีนิสัยที่สงวนท่าที จนดูเหมือนมีความหยิ่งยะโสอยู่ในที ชอบเเสร้งทำเป็นไม่สนใจ

ต่อการเเสดงความรักของเจ้าของทั้งๆที่ต้องการ ในขณะที่ร๊อตไวเลอร์ตัวเมียจะไม่

เป็นเช่นนั่น เพราะตัวเมียจะชอบให้เจ้าของเเสดงความรัก การสัมพัสใกล้ชิด เช่น

การโอบกอด ทำให้ผู้ที่เลี้ยงใหม่ จะรู้สึกว่าเข้ากับตนได้ง่ายกว่าร๊อตไวเลอร์ตัวผู้ เเละ

ดูเหมือนเป็นเพื่อนที่ชิดกว่า

นอกจากนี้ ถ้าท่านมีจุดประสงค์จะเพาะพันธุ์ หรือสืบทอดสายพันธุ์สุนัขของท่าน

ต่อไป การมีร๊อตไวเลอร์ตัวเมียที่มีคุณภาพในระดับมาตรฐานก็สามารถเป็นเเม่พันธุ์ได้

เเต่ถ้าเป็นร๊อตไวเลอร์ตัวผู้ที่จะใช้เป็นพ่อพันธุ์ จะต้องอยู่ในระดับสุดยอดเท่านั้น และ

การที่จะเป็นเจ้าของร๊อตไวเลอร์ตัวผู้ระดับสุดยอดนั้นไม่ใช้เรื่องง่าย ในขณะที่เราสามา

รถเลือกตัวเมียที่อยู่ในระดับมาตรฐานแล้วเลือกผสมกับพ่อพันธุ์ที่ต้องการได้ไม่ยาก

นอกจากวิธีการเลือกสุขันร๊อตไวเลอร์ ดังที่กล่าวไปเเล้ว สิ่งที่ควรพิจารณาด้วยก็

เป็นเรื่องเกี่ยวกับสภาพทางสุขอนามัยของสุขันโดยทั่วไป เช่น เรื่องหมัด เห็บ ไร รอย

ยุงกัดที่ท้อง และดูไส้เลื่อนที่สะดือ รวมไปถึงการสอบถามเรื่องการถ่ายพยาธิ และฉีด

วัคซีนป้องกันโรค

ร็อทไวเลอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่และมีโครงสร้างที่แข็งแรง มีความฉลาดและน่ารัก แต่แฝงด้วยความดุร้ายซึ่งอยู่ในสายพันธุ์ นิสัยของร็อทไวเลอร์ จริงๆ แล้วมีความรักเจ้าของ และเชื่อฟังเป็นอย่างดี ขี้เล่นแต่จะดุร้ายกับคนแปลกหน้า ซึ่งส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านเพื่อป้องกันขโมยขึ้นบ้านนั่นเอง การเลี้ยงร็อทไวเลอร์ต้องเลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กนะจ๊ะ เพื่อให้สุนัขเกิดความคุ้นเคยกับเจ้าของ และที่สำคัญเจ้าของเองต้องให้ความรักความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ไม่ควรเลี้ยงแบบกักขัง ควรใส่สายจูงพาไปเดินนอกบ้านบ้างน๊า เพื่อให้สุนัขเกิดความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ เพราะหากกักบริเวณมากเกินไป หรือนานเกินไปจะทำให้สุนัขกลายเป็นสุนัขที่อันตรายและดุร้าย เพราะจะสุนัขจะเกิดอาการวาดกลัวและระแวงเวลามีคนแปลกหน้าเข้ามา หรือหลุดออกไปในที่ที่ไม่คุ้นเคย ก็จะทำร้ายคนที่ไม่รู้จักได้จ๊ะ



แหล่งอ้างอิง http://women.sanook.com/pets/breed/dogs_44628.php
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=314196
http://dog.kapook.com/

จังหวัดเชียงใหม่



จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดหนึ่งใน 76 จังหวัดของประเทศไทย และตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ 20,107 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 1.67 ล้านคน มีอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ และปกครองจังหวัด การแบ่งการปกครองประกอบด้วย 25 อำเภอ ยังเป็นจังหวัดที่มีการพัฒนาในระดับสูง มีศักยภาพในการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และการลงทุน จนมีการพัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว จนเป็นเมืองใหญ่ อันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากกรุงเทพมหานคร เท่านั้น มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมมากมาย มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรล้านนาในสมัยโบราณ มีภาษาล้านนา (คำเมือง) เป็นภาษาท้องถิ่น จังหวัดเชียงใหม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกับจังหวัดอื่นๆ ทั้งด้านประเพณี วัฒนธรรมอันดีงาม


ประวัติศาสตร์
เมืองเชียงใหม่สร้างขึ้นโดยพญามังราย ในปี พ.ศ. 1839 ในชื่อ "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" และใช้เป็นราชธานีของอาณาจักรล้านนา ในอดีต เชียงใหม่มีฐานะเป็นราชอาณาจักรนครรัฐอิสระ ซึ่งปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์มังรายตั้งแต่ พ.ศ. 1839-2101 แต่ต่อมาเชียงใหม่ได้เสียเมืองให้แก่พระเจ้าบุเรงนองในปี พ.ศ. 2101 และได้ถูกปกครองโดยพม่ามานานกว่าสองร้อยปี จนถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้มีการทำสงครามเพื่อขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่และเชียงแสนได้สำเร็จ โดยการนำของเจ้ากาวิละและพระยาจ่าบ้าน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ สถาปนาเจ้ากาวิละขึ้นเป็นพระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ โดยให้ปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือในฐานะประเทศราชของสยาม และราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์หรือราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน ซึ่งเป็นเชื้อสายของพระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ ก็ได้ปกครองเมืองเชียงใหม่และหัวเมืองต่าง ๆ สืบต่อมาและเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นรัตนติงสาอภินวบุรีเชียงใหม่และในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองประเทศราช และมีการจัดตั้งการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า มณฑลพายัพหรือมณฑลลาวเฉียง ต่อมาเชียงใหม่ได้มีการปรับปรุงการปกครองและมีฐานะเป็นจังหวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจนถึงปัจจุบัน


อาณาเขต

ทิศเหนือ จดรัฐเชียงตุงของสหาภาพพม่า
ทิศใต้ จดจังหวัดลำพูนและตาก
ทิศตะวันตก จดจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ทิศตะวันออก จดจังหวัดเชียงราย

จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวสูงสุดของจังหวัดในภาคเหนือ เมืองเชียงใหม่เป็นเมืองโบราณนับร้อยๆปี จุดเด่นเรื่องท่องเที่ยวของเชียงใหม่จุดหนึ่งคือ คูเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจะล้อมรอบทั้งสี่ด้านของกลางเมืองเชียงใหม่ ภายในคูเมืองมีการควบคุมไม่ให้สร้างตึกสูงเกินไป บ้านเรือนยังมีความเป็นล้านนา สวยงามสบายตาและก็สอาดน่าท่องเที่ยว

ผู้คนของเชียงใหม่ยังคงรักษาวัฒนธรรมด้านภาษาไว้ได้อย่างดี เมื่อไปถามไถ่พูดคุยกับเขาก็จะอู้กำเมือง ซึ่งเป็นคำพูดที่หวานหูชวนน่าฟัง นิสัยใจคอของคนที่นี่ก็ชอบช่วยเหลือดูง่ายๆเวลาเราจอดรถถามทางก็จะยิ้มแย้มแจ่มใส พยายามช่วยอย่างเต็มที่บางรายขับรถนำทางเลยก็มี นี่เป็นเสน่ห์ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเชียงใหม่กันจำนวนมาก โดยเฉพาะหน้าหนาว ตั้งแต่ปลายตุลาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์




แหล่งอ้างอิง

http://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดเชียงใหม่
http://www.thai-tour.com/thai-tour/north/Chiangmai/data/area.htm
http://www.moohin.com/035/

จังหวัดเชียงราย



เชียงรายเป็นชื่อจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือที่สุดของประเทศไทย ตั้งศาลากลางที่ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย อาณาเขตทิศเหนือจรดแคว้นเชียงตุง ประเทศพม่า โดยมีทางหลวงแผ่นดินทะลุผ่านถึงกัน ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับแม่น้ำโขง ทิศตะวันออกจดทิวเขาหลวงพระบางซึ่งปันเขตแดนไทยกับลาว และติดต่อกับจังหวัดพะเยา ทิศใต้กับจังหวัดพะเยา จังหวัดลำปาง และเชียงใหม่ ส่วนทิศตะวันตกกับจังหวัดเชียงใหม่

จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญเมืองหนึ่งของประเทศไทย และเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนจีนตอนใต้-อินโดจีน

พัฒนาการทางประวัติศาสตร์

ปรากฏในพงศาวดารโยนกว่า พ่อขุนเม็งรายสร้างขึ้น ณ ที่ซึ่งเดิมเป็นเวียงชัยนารายณ์ เมื่อ พ.ศ. 1805 และครองราชสมบัติอยู่ ณ เมืองเชียงรายจนถึง พ.ศ. 1839 จึงไปสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นในท้องที่ระหว่างดอยสุเทพกับแม่น้ำปิง และครองราชสมบัติอยู่ ณ เมืองเชียงหม่จนถึง พ.ศ. 1860 จึงสวรรคตเพราะถูกฟ้าผ่า

สำหรับเมืองเชียงรายนั้น เมื่อพ่อขุนเม็งรายย้ายไปครองราชสมบัติที่เมืองเชียงใหม่แล้ว พระราชโอรสคือ ขุนคราม หรืออีกชื่อหนึ่งว่าพระไชยสงคราม ก็ได้ครองราชสมบัติสืบต่อมา นับแต่นั้นเมืองเชียงรายก็ขึ้นต่อเมืองเชียงใหม่

ครั้นต่อมาเมื่อแคว้นล้านนาไทยตกไปอยู่ในปกครองของพม่า พม่าได้ตั้งขุนนางมอญคือพระยาชิตวงศ์มาปกครองเมืองเชียงราย ซึ่งมอญก็คงครองเมืองเชียงรายสืบต่อ ๆ กันมาจนถึง พ.ศ. 2329 ปีนั้น พระยายองกับพระยาแพร่คิดด้วยกันจะสวามิภักดิ์ต่อกรุงเทพมหานคร จึงจับเอาปะกามณี แม่ทัพที่พม่าตั้งให้ปกครองเมืองเชียงราย เป็นเชลยแล้วนำตัวส่งลงมาถวายยังกรุงเทพมหานคร

ต่อมา พ.ศ. 2330 พม่ายกกองทัพจากแคว้นเชียงตุงลงมา ตีได้เมืองเชียงแสนและเมืองเชียงราย ทัพเมืองฝางจึงเข้าสมทบทัพพม่า และทัพพม่านี้เดินทางผ่านเมืองพะเยาลงมาเอาเมืองนครลำปาง แต่ถูกไทยตีแตกพ่ายกลับไป นับแต่นั้นเมืองเชียงรายก็ร้างไปถึง พ.ศ. 2386 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้ตั้งเมืองเชียงรายขึ้นเป็นเมืองโดยให้สังกัดเมืองเชียงใหม่ กระทั่ง พ.ศ. 2453 จึงมีพระราชบัญญัติยกเมืองเชียงรายขึ้นเป็นจังหวัด

ข้อมูลทั่วไปของจังหวัด เชียงราย

มีพื้นที่ทั้งหมด 11,678 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 16 อำเภอ และอีก 2 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อ. เมือง อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ อ. เวียงป่าเป้า อ. เทิง อ. เวียงแก่น อ. ป่าแดด อ.พาน อ.แม่สรวย อ.เวียงชัย อ.แม่จัน อ.พญาเม็งราย อ.ขุนตาล อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ลาว กิ่ง อ. เวียงเชียงรุ้ง และกิ่ง อ. ดอยหลวง

อ.แม่สาย
อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 62 กม.อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 62 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 110 เป็นอำเภอเหนือสุดของประเทศไทย ติดต่อกับประเทศพม่าที่ท่าขี้เหล็ก โดยมีแม่น้ำแม่สายเป็นพรมแดน มีสะพานเชื่อมเมืองทั้งสองเข้าด้วยกัน ทั้งชาวเขาและชาวพม่าเดินทางไปมาหาสู่ค้าขายกันโดยเสรี นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางไปยังท่าขี้เหล็กของพม่าเพื่อซื้อสินค้าพื้นเมืองและสินค้าราคาถูกอื่นๆ เช่น ตะกร้า เครื่องทองเหลือง สบู่พม่า สมุนไพร บุหร่ ฯลฯ นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้าเขตพม่า ได้ตั้งแต่เวลา 6.00-18.00 น. โดยนำบัตรประชาชนและเสียค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท ที่จุดผ่านแดน (สำหรับชาวต่างประเทศ 5 เหรียญสหรัฐ และใช้พาสปอร์ต ติดต่อที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย )







แหล่งอ้างอิง http://th.wikipedia.org/จังหวัดเชียงราย
http://www.tourdoi.com/north/chiangrai/index.html
http://www.thai-tour.com/thai-tour/North/Chiangrai/data/place/pic_ampher-maesai.html

My biography



ชื่อ : นริศรา จันทะรังษี

ชื่อเล่น : หญิง

เกิดวันที่ 31 สิงหาคม 2532 อายุ 20 ปี

กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะสัตวแพทย์ศาสตร์และสัตวศาสตร์

ที่อยู่ปัจจุบัน : 14 หมู่ 2 ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร 47160

สิ่งที่ชอบ : รักสัตว์

คติ :: Tomorrow never die

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ความจิง !!

โลกใบหนึ่งแม้มันจะโหดร้ายเท่าไหร่ ?

จะไม่สดใส มีเพียงความมืดมัวและ

หม่นหมองฉันคนหนึ่งต้องเจอกับอะไรมากมาย ..

ทำให้เสียใจ แต่ไม่เป็นไรสักนิดเลย :)

ไม่เคยจะรู้สึก ไม่เคยจะนึกกลัวสิ่งรอบตัวอย่างไล๊ก็ยอมรับมัน ;;))'
พุ่งนี้จ่ะต้องเจอกับอะไล๊ ตัวเรานั้นไม่รู้'

;;pppppppppppppp